ลู่วิ่งไฟฟ้าแต่ละรุ่น แต่ละยี่ห้อ ถูกออกแบบมาให้ใช้งานในลักษณะต่างกัน นอกจากราคาที่รู้สึกว่าคุ้มค่าแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดคือความเหมาะสมในการใช้งานด้วย ถ้าซื้อมาไม่ตอบโจทย์การใช้งาน คุณจะได้ใช้ฟีเจอร์ลับของมัน นั่นคือ การตากผ้า
ถึงแม้นักวิ่งหลายคนมักจะชื่นชอบการหลั่งสารเอ็นโดรฟินรับความสุขหลังจากวิ่งบนถนน ชมวิวสองข้างทาง มองเห็นผู้คน แวะเกาคอเจ้าเหมียวในสวน และอีกหลายเหตุผลที่พวกเราชอบออกไปวิ่งข้างนอก
แต่หลายคนก็จะมีความไม่สะดวกในการออกไปวิ่งนอกบ้าน ทางเลือกที่เราจะสามารถออกกำลังกายได้ทุกเวลา ทุกสภาพอากาศ ทำได้ที่บ้านนั่นคือการลงทุนกับการซื้อ Treadmill หรือลู่วิ่งนั่นเอง
แล้วลู่วิ่งที่เราต้องการคือแบบไหนกันแน่?
Treadmill จะถูกแบ่งออกเป็นสองแบบใหญ่ๆ ตามรูปแบบการใช้งาน นั่นคือ Magnetic treadmill (ลู่วิ่งแบบแม่เหล็ก) และ Electric treadmill (ลู่วิ่งแบบไฟฟ้า) เราจะมาทำความรู้จักตรงนี้กันก่อน
Electric treadmill
ลู่วิ่งไฟฟ้าเป็นประเภทที่พบได้บ่อยที่สุด ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าในการขับเคลื่อนสายพาน เหมาะสำหรับนักวิ่งระดับเริ่มต้นไปจนถึงระดับโปร
การทำงานทั้งหมดจะอยู่ในส่วนของการควบคุมที่แป้น ตั้งแต่การเพิ่มลดความเร็ว เปลี่ยนความชัน พร้อมทั้งหน้าจอที่บอกความเร็ว ระยะทาง เวลาที่วิ่ง อัตราการเต้นของหัวใจ ลู่วิ่งไฟฟ้าส่วนใหญ่จะมีข้อมูลเบสิคในส่วนนี้อยู่แล้ว
การวิ่งบนลู่ไฟฟ้าจะรู้สึกว่าวิ่งง่ายกว่าพื้นถนนในความเร็วเท่ากัน เนื่องจากสายพานมันเคลื่อนที่ด้วยตัวเอง นักวิ่งมีหน้าที่แค่วิ่งให้ทันความเร็วของสายพาน การใช้แรงขาลงไปกับสายพานจะน้อยกว่าการวิ่งบนพื้นจริง
นักวิ่งบางคนอาจจะเพิ่มระดับความชันเพื่อให้ได้ความเหนื่อยมากขึ้นได้ แต่ตรงนี้ต้องระวังในเรื่องของฟอร์มวิ่งที่เปลี่ยนไปด้วย
Magnetic treadmill
ลู่วิ่งประเภทแม่เหล็กที่ไม่ต้องใช้ไฟฟ้า ไม่ต้องเสียบปลั๊ก ผู้ใช้ใส่ชุดกีฬา เตรียมตัวให้พร้อม แล้วขึ้นไปวิ่งได้เลย
จุดเด่นของลู่วิ่งประเภทนี้คือผู้ใช้จะต้องใช้แรงตัวเองในการขับเคลื่อนสายพาน กำหนดความเร็วได้ด้วยตัวเอง คล้ายกับการวิ่งบนพื้นจริง ดังนั้นการลงเท้า การใช้แรง การใช้กล้ามเนื้อในส่วนต่างๆ จะใกล้เคียงกับการวิ่งบนถนนมาก
ด้วยการที่ตัวมันเองไม่ได้ใช้ไฟฟ้า ไม่มีมอเตอร์ ตัวเครื่องจะทำงานค่อนข้างเงียบ และไม่มีข้อจำกัดในเรื่องของความร้อน ทำให้วิ่งไปได้เรื่อยๆ จนกว่านักวิ่งจะหมดก๊อก
ในขณะเดียวกัน การที่ต้องใช้แรงของนักวิ่งขับเคลื่อน ทำให้เริ่มต้นใช้งานค่อนข้างยาก ต้องทำความคุ้นชิ้นกับลู่วิ่งสักระยะ จึงจะสามารถใช้งานได้สมบูรณ์ ทั้งในการเพิ่ม-ลดความเร็ว ซึ่งจะไม่ค่อยเหมาะนักสำหรับผู้เริ่มต้นหัดวิ่ง ที่ยังเข้าฟอร์มวิ่งตัวเองได้ไม่ดี
ลู่วิ่งสายพานในแต่ละรุ่นมีความเฉพาะตัวสูงมาก ก่อนตัดสินใจซื้อต้องไปลองวิ่งด้วยตัวเอง อันนี้สำคัญมาก
หากนักวิ่งที่แก่พรรษาได้ลองลู่วิ่งประเภทนี้แล้วส่วนใหญ่จะติดใจ เพราะสามารถใช้ในการซ้อมได้ค่อนข้างดี ตั้งแต่ easy run ยัน interval เท่าที่รอบขาของคุณจะไปไหว
ลู่วิ่งประเภทนี้ในรุ่นที่ราคาไม่แพงนั้น จะไม่มีหน้าจอบอกความเร็ว ระยะเวลา อัตราการเต้นของหัวใจ และรายละเอียดต่างๆ อย่างที่ลู่วิ่งไฟฟ้าทำได้ หากต้องการข้อมูลเหล่านี้ ต้องไปลงทุนในส่วนของนาฬิกาวิ่งด้วยนะจ๊ะ